
รีวิวเที่ยวเมืองน่าน ตอนที่ 1 : เก็บเสื้อผ้าไปตั้งต้นที่เชียงใหม่

สืบเนื่องจากที่ ครม. ไฟเขียวเพิ่มวันหยุดพิเศษ ในวันที่ 4 พ.ค. 58 ทำให้มีวันหยุดถึง 4 วัน (2-5 พ.ค. 58) หยุดยาวแบบนี้ จะพลาดได้ยังไงเนอะ ต้องจัดไป ไม่ให้เสียชื่อ Go is Go ไปเป็นไป ถึงไหนถึงกัน แต่ก่อนอื่นก็ต้องหว่านล้อมคนแถวนี้กันซะหน่อย อิอิ
เสือบีม : หยุดยาว 4 วัน ไปไหนดีหว่า ??
คนแถวนี้ : น่านไง..ว่าละ หยุดทีไรอยากไปเที่ยวตลอด
เสือบีม : ก็ออกเดินทางหาแรงบันดาลใจในการทำงานบ้างสิ
คนแถวนี้ : นั่นนะสิ พักผ่อนสมองบ้างเนอะ แล้วจะไปไหนหล่ะ
เสือบีม : โอเค งั้น จัดไป ตามใจเธอ
คนแถวนี้ : รู้หรอว่าอยากไปไหน
เสือบีม : จะไม่รู้ได้ยังไง เมื่อกี้ก็เพิ่งบอกว่า “น่านไง” และแถมย้ำอีกว่า “น่านนะสิ”
คนแถวนี้ : เอ่อ..
น่านแน่..เสร็จผมละ เคลิ้มตามแล้ว จึงต้องรีบหน่อยครับ
อันดับแรก จองตั๋วเครื่องบินก่อนเลยครับกลัวเต็ม อุดรธานี – เชียงใหม่ มี 2 สายการบินครับ นกแอร์ กะ บางกอกแอร์เวย์ คนแถวนี้เค้าอยากไปเครื่องบางกอกฯ เลยจัดการจองตั๋วซะเลย (ก็ขัดใจสักครั้งยังไม่เคยนี่นา)
เนื่องจากจองตั๋วช้าไปเลยได้ตั๋วราคา 1,990 บาท ต่อ ที่นั่งครับ แล้วต่อด้วยการจองตั๋วรถกรีนบัส สาย เชียงใหม่ – น่าน ผ่านเว็บไซด์แล้วจ่ายเงินที่เคาเตอร์เซอวิสครับ แบบว่า..กลัวจะเปลี่ยนใจไปที่อื่น 555

ตามด้วยการจองโรงแรมครับ โดยการจองผ่าน Agoda ทริปนี้ นอนเชียงใหม่ 1 คืน ที่ Sitha Boutique House ราคาคืนละ 862.65 บาท (ติดป้ายหราหน้าโรงแรม 850 นะเออ 555 พลาดละ) นอนน่าน 2 คืน ที่โรงแรมเทวราช ราคาคืนละ 1,150.80 บาท และ นอนที่พิษณุโลก 1 คืน ที่โรงแรมไพลิน ราคาคืนละ 603 บาท ครับ
และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางครับ เย็นวันที่ 1 พ.ค. 58 ผมได้โทรศัพท์ให้รถแท็กซี่มารับจากบ้านไปส่งสนามบินฯ และแล้วเรื่องน่าตื่นเต้นก็เกิดขึ้น เมื่อให้แท็กซี่มารับที่บ้าน
แท็กซี่ : เปิดประตูรถลงมาพร้อมกับกล่าวคำว่า สวัสดีครับ ใช่ที่โทรไปให้มารับรึป่าวครับ
เสือบีม : ใช่ครับ
แท็กซี่ : ต้องขอโทษทีครับ วันนี้ปวดเท้ามากเพราะเมื่อคืนโดนแมงป่องต่อย (ชี้ให้ดูเท้าที่บวม)
เสือบีม : อ้าว..ปวดมากหรือป่าว ไปหาหมอรึยังครับ
แท็กซี่ : ไม่เป็นไรครับ เป็กเหล้าขาวมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่งั้นปวดแย่
เสือบีม : อืม…แล้วก็เอามือไปดึงเบลมาคาดอย่างไว
จากบ้าน ถึง สนามบิน โดยปกติแล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที แต่คราวนี้ไม่ถึง 10 นาทีครับ สงสัยจะเพิ่งดู Fast 7 มา อิอิ (ค่าแท็กซี่ 200 บาท..จ่ายไป)
พอมาถึงก็เช็คอินที่เค้าเตอร์ของสายการบิน แล้วไปรอขึ้นเครื่องครับ อยากบอกว่า คนเยอะมาก นึกว่าสถานีขนส่งหมอชิต
เครื่องบินที่ใช้ในการเดินทางเป็นเครื่องบินใบพัดครับ จาก อุดรธานี ไปถึง เชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง30 นาที ครับ (แป๊บแป๊บ..ก็ถึง) บินในช่วงเย็นแล้วเมฆแบบนี้ ชอบสุด ๆ ครับ
อาหาร บนเครื่อง ชื่อเมนูอะไรไม่รู้ มีใครพอจะรู้บ้างครับ เส้นมาม่าใส่แหนมหนังหมู รสออกเปรี้ยว รสชาติก็นะครับ รู้ ๆ กัน ส่วนขนมสอบผ่านครับ

พอมาถึงสนามบินเชียงใหม่ ก็เดินออกมาโบกรถแดงไปแถวนิมมานต์ โรงแรมอยู่ซอยศิริมังคลาจารย์ ซอย 3 โบกถาม 2 – 3 คัน ไม่ไป เลยโบกตุ๊กตุ๊กครับ 150 บาท ต่อได้ 120 บาทครับ (ตุ๊กตุ๊กบอกว่าราคาสูงเพราะว่ารถมันติด เอ๊า..ไปก็ไป)

โรงแรมที่เชียงใหม่จองใกล้ ๆ นิมมานต์ครับ แต่ว่ามีการผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย เพราะทางโรงแรมตรวจสอบการจองโรงแรมพลาดเลย ปล่อยห้องให้คนอื่นไปจนหมด แต่ก็ไม่เป็นปัญหาครับ ทางโรงแรมก็จัดการหาที่พักให้ใหม่พร้อมไปส่ง ไม่ไกลจากที่เดิม (น่ารักจริง ๆ)
คืนแรกนอนได้นอนที่ โรงแรมวิคตอเรียนิมมาน ห้องสวย วิวดี ใกล้ที่กินข้าวด้วยครับ


แล้วก็พาคนแถวนี้เดินไปหาอะไรกิน ตามคำบัญชาครับว่าต้องไป ร้านต๋อง กะ ไอเบอรี่ (อ่ะ ๆ ตามใจ) จากโรงแรมเดินไปร้านต๋องไม่ไกลเท่าไรครับ แต่พอไปถึง ก็ทำให้รู้ถึงสมญานาม ต๋องโต๊ะเต็ม เอ๊ย..เต็มโต๊ะ 555 คนเข้าคิวรอเพียบครับ จะสามทุ่มแล้วนะเนี่ย เลยตัดสินใจไป ไอเบอรี่ เลยครับ ระหว่างทางเห็นร้าน Swing เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม สไตล์โอเพิ่นแอร์ มีดนตรีฟัง บรรยากาศน่านั่งดีครับ เลยแวะไปหาอะไรกิน ที่ร้านนี้เห็นเมนูผัดไทยกะหอยทอดเด่นชัดเลยสั่งมาทาน อร่อยมากครับ (หอยทอด+ผัดไทย+เบียร์สิงห์+น้ำเปล่า อย่างละ 1 ราคารวม 250 บาท)

หลังจากกินอาหารเสร็จก็เดินย่อยมาถึงร้าน ไอเบอรี่ อยู่ซอยสายน้ำผึ้ง ถัดจากซอยนิมมานเหมินทร์ 17 ไปหนึ่งซอย แต่กำลังจะปิด เพราะเกือบจะ 4 ทุ่มแล้ว เลยสั่งไอติมกิน 1 ลูก ลูกละ 59 บาทครับ (ไหน ๆ ก็มาละเนอะ ชิมซะหน่อย)

จากนั้นก็เดินกลับมาที่โรงแรมครับ แต่เห็นหน้าโรงแรมมีบาร์เบียร์เลยแวะซะหน่อย มีรถมาขายกับแกล้มด้วย ไม้ละ 5 บาท เบียร์ลีโอ 1 ขวด 80 บาท โปร 3 ขวด 220 บาท กับแกล้ม 10 ไม้ 50 บาท ดื่มสักขวดก่อนนอนครับ .. คืนนี้หลับฝันดีครับ
